เป็นสินค้าประกันที่ให้ทั้ง“ความคุ้มครอง” และบริการ “ลงทุน” เบี้ยประกันที่ผู้ถือกรมธรรม์ได้ชำระหลังหักต้นทุนประกันและค่าใช้จ่ายไปแล้ว เบี้ยประกันคงเหลือสามารถนำไปลงทุนในรูปแบบบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์มอบอำนาจเต็มรูปแบบหรือกองทุนรวมเป็นต้นซึ่งเป็นการคืนอำนาจลงทุนให้กับผู้ถือกรมธรรม์
1. ต้องรับมือกับผลการลงทุนด้วยตนเอง:ไม่ว่าการลงทุนจะได้กำไรหรือขาดทุนผู้ถือกรมธรรม์จะต้องยอมรับและแบกรับภาระด้วยตนเอง
2. บัญชีต่างหาก:ทรัพย์สินที่ใช้ในการลงทุนทางบริษัทประกันจะสร้างเป็นบัญชีพิเศษเพื่อทำการบริหารโดยเฉพาะซึ่งเป็นการให้ความคุ้มครองกับผู้ถือกรมธรรม์ว่าทรัพย์สินในบัญชีจะไม่รับผลกระทบในขณะที่บริษัทประกันต้องประสบปัญหาในการดำเนินธุรกิจ
3. อัตราค่าใช้จ่ายโปร่งใส:ตามที่กำหนดโดยกฎหมายทางบริษัทจะต้องเปิดเผยหลักเกณฑ์ในการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในกรมธรรม์ต่อลูกค้าเพื่อให้ผู้ถือกรมธรรม์สามารถทำความเข้าใจกับโครงสร้างค่าใช้จ่ายทั้งหมดโดยครบถ้วน
1. ความเสี่ยงจากตลาด:เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในตลาดการเงินจะส่งผลกระทบให้กับมูลค่าของเป้าหมายที่ลงทุน
2. ความเสี่ยงจากการแลกเปลี่ยนเงินตรา:หากยึดเงินตราต่างประเทศเป็นหน่วยการคิดราคา ในขณะที่แลกเปลี่ยนเงินตรา ยอดเงินอาจเกิดผลที่แตกต่างเนื่องด้วยอัตราแลกเปลี่ยน
3. ความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ย:ความเสียหายที่เกิดขึ้นเมื่ออัตราดอกเบี้ยมีการขึ้นหรือลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงให้กับสินค้าประเภทออมทรัพย์หรือตราสารหนี้มากที่สุด
การเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยงดังกล่าวเป็นเพียงตัวอย่างในมุมกว้างซึ่งไม่สามารถอธิบายรายละเอียดของทุกความเสี่ยงในการลงทุนหรือทุกปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อราคาในตลาดของผลิตภัณฑ์การเงินทั้งหมดผู้เอาประกันจะต้องพิจารณาด้วยความระมัดระวังก่อนลงทุนโดยอ่านเอกสารต่างๆที่เกี่ยวกับสินค้าให้ละเอียด เช่นหนังสือชี้ชวนการลงทุนและข้อควรทราบสำหรับนักลงทุนอีกทั้งคอยสังเกตปัจจัยอื่นที่อาจส่งผลกระทบวางแผนการเงินและประเมินความเสี่ยงอย่างรอบคอบ
หมายถึงการมอบอำนาจให้บริษัทหลักทรัพย์มืออาชีพทำการบริหารทรัพย์สินแทนซึ่งอนุญาตให้ผู้จัดการบัญชีตัดสินใจในการวางแผนจัดพอร์ตลงทุนและจังหวะซื้อขายหลักทรัพย์หรือเรียกโดยทั่วไปว่า “บริการบริหารพอร์ตการลงทุนโดยผู้จัดการ”
1. บริหารการลงทุนผ่านมืออาชีพ:โดยมีผู้จัดการลงทุนมืออาชีพ ร่วมงานกับทีมงานนักวิเคราะห์ซึ่งสามารถเข้าใจถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของตลาดลงทุนได้ตลอดเพื่อจัดการปรับพอร์ตลงทุนต่อไป
2. กระจายความเสี่ยงในการลงทุน:การลงทุนด้วยบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์มอบอำนาจเต็มรูปแบบเท่ากับได้ครอบครองหุ้นหรือตราสารหนี้หลายรายการในขณะเดียวกันซึ่งสามารถกระจายความเสี่ยงในการลงทุนได้
3. มีความยืดหยุ่นสูง:สามารถสร้างแผนกลยุทธ์ในการบริหารบัญชีตามความต้องการและความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของนักลงทุน
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บริษัทกองทุน) จะออกใบรับรองสำหรับผู้รับผลประโยชน์เพื่อระดมเงินทุนจากนักลงทุนจำนวนมาก และทำการบริหารโดยผู้จัดการกองทุนผ่านการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เป็นหุ้นและตราสารหนี้เป็นต้นซึ่งจะมีการปันผลให้กับนักลงทุนเมื่อได้รับกำไรจากการลงทุนและนักลงทุนก็ต้องร่วมแบกรับผลเมื่อขาดทุน
1. บริหารการลงทุนผ่านมืออาชีพ:โดยมีผู้จัดการลงทุนมืออาชีพ ร่วมงานกับทีมงานนักวิเคราะห์ซึ่งสามารถเข้าใจถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของตลาดลงทุนได้ตลอดเพื่อจัดการปรับพอร์ตลงทุนต่อไป
2. กระจายความเสี่ยงในการลงทุน:การลงทุนในกองทุนรวม เท่ากับได้ครอบครองหุ้นหรือตราสารหนี้หลายรายการในขณะเดียวกันซึ่งสามารถกระจายความเสี่ยงในการลงทุนได้
3. สภาพคล่องสูง:นักลงทุนสามารถยื่นคำขอขายกองทุนรวมคืนให้บริษัทกองทุนได้ทุกเวลาตามที่ต้องการ
เรียกได้อีกอย่างว่า“กองทุนรวมที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์” เป็นกองทุนที่ติดตาม จำลองหรือเลียนแบบผลงานของดัชนี และซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เหมือนหุ้น
1. ข้อมูลโปร่งใส:เนื่องจากกองทุนรวมดัชนี (ETF) จะต้องเปิดเผยข้อมูลติดตามดัชนี และโครงสร้างหุ้นที่ปรับเปลี่ยนตามกำหนดอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นโครงสร้างที่ค่อนข้างโปร่งใสมากกว่า
2. ประหยัดค่าบริหารมากกว่า:เนื่องจากเป็นการติดตามดัชนีแบบเชิงรับซึ่งไม่ต้องการให้ผู้จัดการกองทุนทำการคัดเลือกหรือซื้อขายหุ้นด้วยความถี่สูงจึงมีต้นทุนที่ค่อนข้างต่ำกว่ากองทุนแบบเชิงรุกมาก
3. ซื้อขายสะดวกและสภาพคล่องสูง:นักลงทุนสามารถขายกองทุนรวมดัชนี (ETF)ในตลาดหลักทรัพย์เพื่อถอนเป็นเงินสดได้ทุกเวลาตามที่ต้องการ
ตรวจสอบรายละเอียดได้ที่: เว็บไซต์ทางการของบริษัทประกัน Taiwan Life ➙ ข้อมูลลงทุน ➙ โซนลงทุนร่วมรวยกัน ➙ ประกาศใหม่ล่าสุด
ที่อยู่เว็บไซต์: https://www.taiwanlife.com/news_178/fund/3339